วันจันทร์ที่ 1 ธันวาคม 2024
บทภาวนา ” พระเจ้าทรงสัญญาเพื่อนผู้มาเยือน “
บทอ่านจากพระคัมภีร์ อิสยาห์ 9 : 2 – 7
กดเพื่อฟัง>> เสียงบทภาวนา “พระเจ้าทรงสัญญาเพื่อนผู้มาเยืยน”
พระคริสตธรรมคัมภีร์อิสยาห์ มาจากชื่อของผู้เผยพระวจนะอิสยาห์ ชื่อนี้มีความหมายว่า “พระเยโฮวาห์ทรงเป็นความรอด” อิสยาห์เป็นบุตรของอามอส
มีชีวิตอยู่ในสมัยรัชกาลกษัตริย์อุสซียาห์ (783-742 กคศ.) กษัตริย์โยธาม (742-735 กคศ.) กษัตริย์อาหัส (735-715 กคศ.) และกษัตริย์เฮเซคียาห์ (715-687 กคศ.)
อิสยาห์เป็นชาวเยรูซาเล็ม เป็นคนจากตระกูลชั้นสูงในสังคมยูดาห์ มีความรู้ มีความสามารถ สังเกตได้จากวรรณกรรม งานเขียนของท่าน
ท่านเป็นบุคคลที่มีความใกล้ชิดกับเชื้อพระวงศ์ สามารถเข้าออกในพระราชวังได้ตลอดเวลา
พระเจ้าทรงเรียกอิสยาห์ให้เป็นผู้เผยพระวจนะ เป็นผู้นำข่าวสารของพระเจ้า ให้แก่บรรดาผู้นำกษัตริย์และประชากรของพระเจ้า
ในขณะที่อิสยาห์อยู่ในพระวิหาร ปรนนิบัติพระเจ้าในการเป็นปุโรหิต ซึ่งปรากฎในพระคัมภีร์อิสยาห์บทที่ 6
อิสยาห์รับใช้พระเจ้าอย่างสัตย์ซื่อ ทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า เทศนา เผยพระวจนะ ชี้ให้ประชากรของพระเจ้า
เห็นถึงความอ่อนแอของสังคมยูดาห์ในเวลานั้นแม้ว่าประเทศปราศจากศึกสงคราม
ดูภายนอกเหมือนบ้านเมืองกำลังเจริญเติบโต ไปสู่ยุคของความเจริญรุ่งเรือง แต่หากเปิดดูข้างใน มีแต่ความเน่าเฟะของผู้คนตั้งแต่ระดับผู้นำลงมา
คนมั่งมีเอาเปรียบคนยากจน ผู้พิพากษากินสินบน ศีลธรรมเสื่อมทราม นมัสการพระเจ้าแบบจอมปลอม คาดหวังให้พระเจ้าอวยพระพร
อิสยาห์ได้ตักเตือนบรรดาผู้นำและประชากรทั้งหลาย ที่พระเจ้าจะใช้บรรดาศัตรูเข้ามาทำสงคราม และกวาดต้อนผู้คนทั้งหลายให้เป็นเชลยในต่างแดน
พวกเขาจะอยู่อย่างหวาดผวา และน่ากลัว อิสยาห์ได้เรียกเร้องให้ชนอิสราเอลและยูดาห์ได้กลับใจเสียใหม่ ซ่อมทางชีวิตของตน แล้วพระเจ้าจะอวยพระพร
แต่เป็นที่น่าเสียดาย พวกเขาทำตามใจปรารถนาของตนเอง มิได้ทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้า บรรดาศัตรูยกทัพเข้ามาทำสงคราม ประชากรถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยในบาบิโลน
แต่ถึงกระนั้น พระเจ้ายังรักษาพันธสัญญาของพระเจ้า พระองค์มีความรักที่มั่นคง พระเจ้าจะไม่ทอดทิ้งประชากรของพระองค์ พระองค์จะให้ประชากรของพระองค์กลับคืนมาสู่อาณาจักร
สู่แผ่นดินของพระเจ้า สู่เยรูซาเล็ม และกาลครั้งนี้พระองค์จะเสด็จลงไปหาเขา พระองค์จะเปิดเผยพระองค์เป็นพระเมสสิยาห์เต็มเปี่ยมด้วยความรักและเมตตา
พระเจ้าทรงเปิดเผยให้บรรดาประชากรของพระเจ้าได้รู้และเห็นถึงแผนการเสด็จมาของพระองค์ เพื่อจะช่วยบรรดาประชากรของพระเจ้า
พระองค์จะครอบครองด้วยความชอบธรรมและยุติธรรม พระองค์เป็นดังที่ปรึกษาที่ยอดเยี่ยม พระองค์เต็มเปี่ยมไปด้วยฤทธานุภาพ พระองค์เป็นองค์สันติ
นำความผาสุก นำสวัสดิภาพมาสู่มวลมนุษย์ ดังอิสยาห์เผยพระวจนะไว้ว่า “ความชื่นชอบของท่านคือความยำเกรงพระยาห์เวห์ ท่านจะไม่พิพากษาตามสิ่งที่ตาท่านได้เห็น
หรือตัดสินตามสิ่งที่หูท่านได้ยิน แต่ท่านจะพิพากษาคนจนด้วยความชอบธรรม และตัดสินให้กับคนต่ำต้อยของแผ่นดินด้วยความเที่ยงธรรม
ท่านจะตีแผ่นดินโลกด้วยตะบองจากปากของท่าน และท่านจะประหารคนอธรรมด้วยลมจากริมฝีปากท่าน ความชอบธรรมจะเป็นสายคาดเอวของท่าน
และความซื่อสัตย์จะเป็นผ้าคาดที่บั้นเอวของท่าน สุนัขป่าจะอยู่กับลูกแกะ และเสือดาวจะนอนอยู่กับลูกแพะ ลูกโคกับสิงโตหนุ่มจะหากินอยู่ด้วยกัน
และเด็กเล็กๆ จะนำพวกมันไป แม่โคกับหมีจะหากินด้วยกัน ลูกๆ ของมันก็จะนอนอยู่ด้วยกัน และสิงโตจะกินฟางเหมือนวัวผู้ และทารกที่กินนมจะเล่นอยู่ที่ปากรูของงูเห่า
และเด็กที่หย่านมจะเอามือวางบนรังของงูทับทาง จะไม่มีการทำให้เจ็บปวดหรือการทำลายทั่วภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของเรา
เพราะว่าแผ่นดินโลกจะเต็มด้วยความรู้ในเรื่องของพระยาห์เวห์ เหมือนน้ำปกคลุมทะเลอยู่นั้น” (อิสยาห์ 11:3-9)
ความจริงแห่งพระวจนะของพระเจ้าผ่านทางอิสยาห์ผู้รับใช้พระเจ้าได้สะท้อนความจริงในชีวิตของมนุษย์ในโลกที่เต็มไปด้วยความผิดบาป
และอำนาจแห่งความผิดได้มีอิทธิพลต่อจิตใจมนุษย์ ได้ทำผิดต่อน้ำพระทัยของพระเจ้า พระคัมภีร์จึงบอกว่า ค่าจ้างของความบาป ก็คือความตาย พระเจ้าทรงสำแดงความจริงที่ยิ่งใหญ่และมหัศจรรย์
พระองค์ได้เสด็จมาเยือนมนุษย์ ได้อยู่กับมนุษย์ ทางองค์พระเยซูคริสต์พระบุตรของพระเจ้า ผู้ทรงสำแดงความเป็นพระบิดา ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ สำแดงพระเมตตา
อยู่กับมวลมนุษย์อย่างใกล้ชิด ดุจดังมิตรสหาย
พระวจนะของพระเจ้าหนุนใจ บอกความจริงเราว่า
“ในปฐมกาลพระวาทะทรงดำรงอยู่ และพระวาทะทรงอยู่กับพระเจ้า และพระวาทะทรงเป็นพระเจ้า…
พระวาทะทรงเกิดเป็นมนุษย์และทรงอยู่ท่ามกลางเรา เราเห็นพระสิริของพระองค์ คือ พระสิริที่สมกับพระบุตรองค์เดียวของพระบิดา
บริบูรณ์ด้วยพระคุณและความจริง” (ยอห์น 1:1,14)
“บัญญัติของเราคือให้พวกท่านรักกันและกัน เหมือนอย่างที่เรารักท่าน ไม่มีใครมีความรักยิ่งใหญ่กว่านี้ คือการสละชีวิตเพื่อมิตรสหายของตน
ถ้าพวกท่านประพฤติตามที่เราสั่ง ท่านก็จะเป็นมิตรสหายของเรา เราจะไม่เรียกพวกท่านว่าบ่าวอีก เพราะบ่าวไม่ทราบว่านายทำอะไร
แต่เราเรียกท่านว่ามิตรสหาย เพราะว่าทุกสิ่งที่เราได้ยินจากพระบิดา เราสำแดงแก่พวกท่านแล้ว ท่านไม่ได้เลือกเรา
แต่เราเลือกพวกท่านและแต่งตั้งท่านให้ไปเกิดผลและเพื่อให้ผลของท่านคงอยู่ เพื่อว่าเมื่อพวกท่านทูลขอสิ่งใดจากพระบิดาในนามของเรา
พระองค์จะประทานสิ่งนั้นแก่ท่าน สิ่งที่เราสั่งพวกท่านไว้ก็คือ จงรักกันและกัน” (ยอห์น 15:12-17)
หัวข้ออธิษฐานสำหรับวันนี้
- อธิษฐานเผื่อผู้ที่รู้สึกว่าตัวเองถูกทอดทิ้ง โดดเดี่ยว เผชิญปัญหาแต่เพียงลำพัง ขอพระเมตตาจากพระเจ้า ที่พระองค์ทรงเป็นเพื่อน เป็นมิตรสหายที่อยู่เคียงข้าง
- อธิษฐานเผื่อผู้ที่หลงผิด ทำความผิดบาป ผิดเป้าหมาย ผิดต่อเป้าประสงค์และแผนงานของพระเจ้า




