วันอังคารที่ 9 ธันวาคม 2024
บทภาวนา ” การเลือกคบเพื่อนอย่างมีปัญญา “
บทอ่านจากพระคัมภีร์ สุภาษิต 13 : 17 – 21
กดเพื่อฟัง>> เสียงบทภาวนา ” การเลือกคบเพื่อนอย่างมีปัญญา “
“คนโง่สร้างบ้าน สร้างบ้านไว้บนดินทราย เมื่อพายุและลมพัดมา
เมื่อฝนตกหนัก แม่น้ำก็ไหลเชี่ยว บ้านหลังนั้นก็พังทลาย
คนมีปัญญา สร้างบ้านไว้บนศิลา เมื่อพายุและลมพัดมา
เมื่อฝนตกหนัก แม่น้ำก็ไหลเชี่ยว บ้านหลังนั้นยังตั้งมั่นคง”
เมื่อได้ยินหรือได้ฟังเพลงนี้แล้วอาจจะเกิดข้อสังเกตว่า “ถ้าระหว่างคนสองประเภท
นี้ไม่ได้สร้างบ้านให้เราดูแล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าใครคือคนที่มีปัญญาและใครคือคนที่โง่?”
เหมือนกับทุกครั้งที่เราได้ยินคำสำนวนสุภาษิตไทยที่บอกว่า “คบคนพาล พาลพาไปผิด
คบบัญฑิตพาลพาไปหาผล” ดังนั้นแล้วเราจะรู้ได้ยังไง ว่าคนไหนเป็นอย่างไร?
คนโง่ กับ คนมีปัญญา ต่างกันอย่างไร?
คำว่า “คนมีปัญญา” หรือ חָכָם (chakam) ที่มีความหมายคือ Wiseman หรือ Skillful
คำนี้ได้ปรากฎอยู่ในพระคัมภีร์พันธสัญญาเดิมทั้งหมด 137 ครั้งโดยลักษณะปัญญานี้สื่อได้
ในหลากหลายมิติตามบริบทในพระคัมภีร์ คือ ความเข้าใจทางศีลธรรม ทักษะการปฏิบัติ
ความสามารถด้านศิลปะ การวินิจฉัยทางการเมือง และความเข้าใจลึกซึ้งทางศาสนศาสตร์
ที่พระคัมภีร์มองว่าปัญญาเป็น “ของประทาน” จากพระเจ้า ซึ่งจะได้รับและสามารถแสวงหา
ได้ด้วยการเคารพยำเกรง และถ่อมใจยอมรับ การพึ่งพาในพระองค์พระเจ้าผู้ใหญ่ยิ่งสูงสุด
แตกต่างกับคำว่า “คนโง่” หรือ כְּסִיל (kesil) ที่มีความหมายคือ Fool หรือ Stupid
ถึงแม้ว่าในภาษาอังกฤษจะถูกแปลว่าเป็น “คนโง่” แต่ในบริบทของพระคัมภีร์แล้ว
แท้จริงไม่ได้หมายถึงความบกพร่องทางสติปัญญาหรือข้อจำกัดทางสติปัญญา
แต่เป็น “ความดื้อรั้นทางจิตวิญญาณและศีลธรรม” เป็นความโง่เขลาที่ดื้อรั้น
ที่เกิดจากการเลือกโดยเจตนา จากรากศัพท์ כָּסַל (kasal) มีความหมายว่า
“หนา ทึบ ไม่รู้สึก” ในด้านศีลธรรม ที่ความจริงฝ่ายจิตวิญญาณไม่สามารถ
แทรกซึมเข้าไปได้ จึงเป็นภาพของความโง่เขลาที่เกิดจากตัวเอง
และการต่อต้านคำสั่งสอนจากพระเจ้า
ดังนั้นการมีปัญญาที่ว่า จึงไม่ใช่ปัญญาที่หมายถึงความฉลาดหลักแหลม แต่เป็นปัญญา
ที่เป็นของประทานมาจากพระเจ้า ที่ซึ่งจะได้มาก็ด้วยการแสวงหาพระเจ้า ยำเกรง ถ่อมใจ
ยอมรับและพึ่งพาพระเจ้าในการดำเนินชีวิตทั้งกาย ใจและจิตวิญญาณ กลับกัน
การไม่มีปัญญาที่เป็นของประทานจากพระเจ้า ก็อาจจะเรียกได้ว่าเป็น “คนโง่”
ที่ไม่ยอมแสวงหาพระเจ้า ดื้อรั้น และต่อต้านการช่วยเหลือและไม่พึ่งพาพระเจ้าในการดำเนินชีวิต
‘คนที่เดินกับคนมีปัญญาจะกลายเป็นคนมีปัญญา แต่เพื่อนของคนโง่จะถูกทำลาย‘ (สุภาษิต 13:20)
อาจจะรุนแรงไปสักหน่อยหากเราจะบอกว่า “ต้อง” เลือกคบ “แค่” คนหรือเพื่อนที่ฉลาด หรือมีปัญญา
เพื่อการดำเนินชีวิตของเราจะไม่พังทลาย หรือล่มสลายไปเหมือนบ้านที่ตั้งอยู่บนดินทราย แต่เพื่อนที่ดี
ไม่ใช่เพียงแค่อยู่เคียงข้างเราในวันที่สุขใจหรือทุกข์ใจ แต่จะอยู่เคียงข้างและคอยเป็นกำลังใจ
ให้คำปรึกษา ย้ำเตือนให้เราติดสนิทและยึดมั่น พึ่งพาในพระเจ้า ไม่ต่อต้าน ดื้อรั้น ถ่อมใจ ยำเกรง
และยอมรับในความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า และเติบโตไปด้วยกันในทางของพระองค์ผู้ซึ่งเป็นศิลา
และความมั่นคงแห่งชีวิต ผู้ซึ่งจะไม่ทำให้บ้านของเราพังทลายลงแต่จะตั้งมั่นคงอยู่ได้ตลอดไป
“เพื่อนที่มีสติปัญญาซึ่งได้มาจากพระเจ้า” กับ “เพื่อนที่โง่เขลาที่ดื้อรั้นและไม่ยอมเชื่อฟังพระเจ้า”
เราอยากจะดำเนินชีวิตไปกับเพื่อนในลักษณะใด? และ “เราเองเป็นเพื่อนในลักษณะใด?”
หัวข้ออธิษฐานสำหรับวันนี้
- ขอพระเจ้าประทานสติปัญญา ความคิดในการตัดสินใจเลือกที่จะคบเพื่อนด้วยปัญญา
ที่มาจากพระองค์ เพื่อให้เพื่อนคนนั้นจะเป็นคนที่สามารถอยู่กับเราและช่วยกันนำพา
เราไปสู่ความบริบูรณ์และสันติสุขในการดำเนินชีิวิตที่ติดสนิทกับพระเจ้า - ขอพระเจ้าปกป้องเราหากต้องพบเจอกับคนที่ไม่น่ารัก ที่อาจนำพาเราด้วยความดื้อรั้น
และ การปฏิเสธพระเจ้าทำให้เราออกห่างจากทางของพระองค์ด้วยการล่อลวงและกล่าวอ้าง
ว่าสิ่งนั้นดีด้วยสายตาของเขา แต่ขอพระเจ้าปกป้องเรา และช่วยฉุดเขาเหล่านั้นที่ยังดื้อดึง
และไม่ยอมเชื่อฟัง ให้เขาถ่อมใจและยอมรับพระเจ้า ทำให้จิตใจและดวงตาของเขาสว่าง
เพื่อที่จะได้รู้ว่าอะไรดี อะไรเป็นที่พอพระทัย และอะไรเป็นดีเยี่ยมในสายพระเนตรของพระองค์
เพื่อให้เราเองนั้นได้กลายเป็นเพื่อนที่ดี เป็นเพื่อนที่สามารถนำพาและคอยสนับสนุนกันและกัน
เคียงข้างกันไปตามน้ำพระทัยของพระเจ้าและเป็นพระพรแก่ผู้อื่นอีกต่อไป
