วันพฤหัสบดีที่ 11 ธันวาคม 2024
บทภาวนา ” เมตตาอย่างฉลาด “
บทอ่านจากพระคัมภีร์ มัทธิว 10 : 12 – 16
กดเพื่อฟัง>> เสียงบทภาวนา ” เมตตาอย่างฉลาด “
นิทานอีสปในตำนานที่ถูกกล่าวขานมากที่สุดเรื่องหนึ่งคือ “ชาวนากับงูเห่า”
ชายผู้ช่วยเหลือให้ความอบอุ่นแก่งู่เห่าที่หนาวเน็บอยู่ข้างทางผลสุดท้ายงู่เห่าฉกชาวนาผู้นั้นเสียชีวิต
เป็นสิ่งที่สะท้อนข้อเท็จจริงที่ว่ามีผู้คนมากมายที่มีลักษณะนิสัยที่ดีคือมีจิตใจที่เอื้อเฟื้อ โอบอ้อมอารี
มีเมตากรุณาคุณแก่คนอื่นๆ โดยไม่หวังผลตอบแทน ไม่คิดมากอะไร ทำด้วยใจนำหน้า
แต่ผลที่ได้รับกลับคืนมาแสนสาหัส ในทำนองเดียวกันนี้มีคำสอนของพระเยซู ในพระคัมภีร์ มัทธิว บทที่10 ข้อ 16
“นี่แน่ะ เราใช้ท่านทั้งหลายไปดุจแกะอยู่ท่ามกลางพวกหมาป่า
เพราะฉะนั้นจงเฉลียวฉลาดเหมือนงู และไม่มีพิษมีภัยเหมือนนกพิราบ
จากบริบทพระคัมภีร์ตอนนี้พระองค์ทรงใช้สาวกของพระองค์ออกไปทำพันธกิจ พระองค์ทรงห่วงใยรู้ว่า
สาวกที่เป็นเหมือนกับแกะไม่มีเคี้ยวเล็บไว้ต่อสู้ ต้องเผชิญกับความโหดร้ายในโลก เหมือนอยู่ท่ามกลาง
ฝูงหมาป่าคือ ผู้คนที่ต่างจ้องจะกัดกิน คำว่า “เฉลียวฉลาดเหมือนงู” เป็นสำนวนภาษิตอียิปต์ที่นิยม
ในสมัยนั้น ตรงกับลักษณะนิสัยของงูที่ปัญญา เฉลียวฉลาด เจ้าเล่ห์ และระมัดระวังตัว ส่วนคำว่า “นกพิราบ”
หมายถึง ความไม่มีพิษมีภัย สุภาพ อ่อนน้อมถ่อมตน ซึ่งเป็นลักษณะชีวิตที่แท้จริงภายในคนของ พระเจ้า
(จอห์น แม็กอาเธอร์, Macarthur, 1987: 201)
ภาพเปรียบเทียบของสัตว์ 2 ชนิดนี้มีในปฐมกาล คือบทที่ 3 “งู”ถูกกล่าวว่าเป็นสัตว์ที่ฉลาดที่สุด
และบทที่ 8 โนอาห์ปล่อยนกพิราบเพื่อสังเกตการณ์น้ำท่วมจากในเรือเมื่อนกพิราบได้บินคาบกิ่งมะกอกกลับเข้ามา
จึงทำให้โนอาห์รับรู้ว่าภายนอกน้ำลดลงแล้ว นกพิราบจึงได้กลายเป็นเครื่องหมายที่นำข่าวดีมาถึงมนุษย์
ที่เหลือที่เชื่อฟังพระเจ้า และในพระคัมภีร์ใหม่ นกพิราบยังเป็นสัญลักษณ์ของการทรงสถิตของพระวิญญาณบริสุทธิ์ในหลายๆตอน
ปัจจุบันภาพลักษณ์ของคนไทยใจดีบวกกับสภาพแวดล้อมสังคมคริสเตียนโดยเฉพาะช่วงเวลาคริสตมาส
ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยบรรยากาศแห่งความรัก ความอบอุ่น เมตตากรุณา กระหน่ำแจกของขวัญ จัดงานเลี้ยงต่างๆ
เชิญผู้คนมากมายให้เข้ามาในคริสตจักร หวังว่าคนเหล่านั้นจะได้เห็นความรักของพระเจ้าผ่านทางกิจกรรมต่างๆ
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นไปพร้อมๆกันคือมีผู้ที่ไม่ประสงค์ดีทั้งหลายหวังจะเอาเปรียบเห็นคริสเตียนเป็นเหยื่อที่ง่ายในการตะคุบ
คติประจำใจคนเหล่านี้ น่าจะเป็น คนโง่ย่อมเป็นเหยื่อของคนฉลาด(ในทางที่ผิด)
ดังนั้นข้อพระคัมภีร์ข้างต้นสำหรับคริสเตียนไทยจำเป็นอย่างมากเราทุกคนต้องมีคุณสมบัติ
ทั้ง 2 ประการควบคู่กันไปในการรับใช้ ติดตามพระเจ้าคือ
1.ให้มีสติปัญญา ฉลาดรอบครอบ ระวังตน ไม่สร้างปัญหาให้กับตนเอง รู้หลบหลีกจากคนที่ชั่วร้าย
ไม่ให้การช่วยเหลือเกินตัว ดังสำนวนที่ว่า “เอ็นดูเขา เอ็นเราขาด”
2.เป็นผู้นำข่าวดี การทรงสถิตของพระเจ้าในทุกที่ทุกแห่งที่ไป นำความรัก สันติสุขไปถึงผู้คนใกล้ไกล
ทำการดีไม่มีผลประโยชน์ที่ไม่ดีแอบแฝง ไม่หดมือในการดูแลเอาใจใส่ซึ่งกันและกันโดยเฉพาะคนในครอบครัว
มีท่าทีแห่งความรักที่แสดงออกมาเป็นการกระทำช่วยเหลือเพื่อนบ้าน เพื่อน พี่น้อง คนในชุมชนที่คุ้นหน้าแม้ไม่รู้จัก
เพราะเรื่องนี้เป็นคำสอนพื้นฐานของคริสเตียนการมีความคิดให้การช่วยเหลือเท่าที่เราช่วยได้
ควรมีในจิตใจในสายตาของคนของพระเจ้าเสมอ ทำด้วยความรักความเข้าใจถึงปัญหา คือถ้าพระเจ้าจะทรงโปรด
ให้เราช่วยเหลือผู้คนใดได้บ้าง? วิธีการไหน? อย่างไร? ที่ช่วยโดยไม่กระทบผลร้ายต่อคนรอบข้างคน
ในครอบครัวของตนเองเราก็ควรจะลงมือกระทำไม่มากก็น้อย และสิ่งที่สำคัญที่จะช่วยเตือนใจตัวเอง
ให้พ้นภัยในยุคสมัยนี้คือ “รู้เท่าทัน” ต่อเหตุการณ์ที่เผชิญอยู่อย่างรอบครอบ ต้องเรียนรู้อยู่เสมอคือ
ฟังคนรอบข้างที่รักเราเตือนบอก คอยอัพเดตข่าวสถานการณ์ต่างๆ หากเป็นเรื่องใหญ่ รู้สึกเกินกำลัง
ก็ขอให้หาที่ปรึกษาที่ดี 2 – 3 คน พูดคุยก่อนตัดสินลงมือทำ จะได้เป็นพรโดยไม่เป็นภัยแก่ตัวเอง
……ทำด้วย ท่าที แห่งความรัก และ เท่าทัน ต่อภัยที่มาเยือน….
หัวข้ออธิษฐานสำหรับวันนี้
1.ขอความรัก ความสุภาพอ่อนโยน ในการติดตามพระเจ้าเพิ่มพูนในชีวิตประจำวันทั้งในการทำงานการรับใช้ต่างๆ
2.ขอสติปัญญาในการบริหารจัดการชีวิต ปกป้องจากซึ่งชั่วร้ายที่จะผ่านพ้นไปได้
3.ขอการปลดปล่อยความขมขื่นใจ การให้อภัย กับผู้คนที่ทำไม่ดีต่อเราเพื่อที่เราจะไม่เมื่อยล้าในการทำการดีต่อไป




